ค่ำคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง… เสียงเพลงลอยกระทงอันคุ้นหู และภาพความสวยงามของกระทงนับพันนับหมื่นที่ลอยสว่างไสวไปทั่วผืนน้ำ คือภาพจำของประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน การ “ขอขมาพระแม่คงคา” เป็นจุดประสงค์หลักที่งดงาม แต่ทว่า… เช้าวันรุ่งขึ้นหลังคืนลอยกระทง “คำขอขมา” เหล่านั้นได้แปรสภาพเป็น “ขยะ” มหาศาลที่สร้างภาระให้กับแหล่งน้ำอย่างหนักหน่วง

ประเพณีที่สวยงาม กำลังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่เราคิด และนี่คือผลเสียที่เกิดขึ้นจริงจากการทิ้งกระทงลงในแหล่งน้ำ
📌 1. ปัญหา “น้ำเน่าเสีย” จากวัสดุ “ย่อยสลายได้”
หลายคนเปลี่ยนมาใช้ “กระทงขนมปัง” หรือ “กระทงอาหารปลา” ด้วยความเข้าใจว่าดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
กระทงขนมปังและอาหารปลา: เมื่อขนมปังจำนวนมหาศาลละลายลงน้ำ มันจะกลายเป็นสารอินทรีย์ที่ทำให้น้ำเน่าเสียฉับพลัน ปลาไม่สามารถกินขนมปังปริมาณมากขนาดนั้นได้ทัน กระบวนการย่อยสลายของขนมปังจะดึงออกซิเจนในน้ำไปใช้ (BOD – Biochemical Oxygen Demand) จนทำให้ระดับออกซิเจนลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ขาดอากาศ หายใจไม่ออก และตายในที่สุด
กระทงใบตองและวัสดุธรรมชาติ: แม้จะย่อยสลายได้ แต่เมื่อมีปริมาณมากเกินไปในเวลาเดียวกัน ระบบนิเวศก็ไม่สามารถจัดการได้ทัน กระทงใบตองที่ลอยไปติดค้างตามตลิ่งหรือท่อระบายน้ำ จะกลายเป็นขยะที่ทับถมกัน หมักหมม และส่งกลิ่นเหม็นในภายหลัง
📌 2. “ขยะพิษ” จากวัสดุที่ย่อยสลายไม่ได้
แม้จะมีการรณรงค์มานานหลายปี แต่ “กระทงโฟม” ก็ยังคงมีให้เห็น และเป็นตัวการร้ายที่สุด
โฟม (Polystyrene): เป็นวัสดุที่ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะย่อยสลาย เมื่อแตกตัวจะกลายเป็น “ไมโครพลาสติก” ที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ สัตว์น้ำกินเข้าไป สะสมในห่วงโซ่อาหาร และอาจย้อนกลับมาสู่มนุษย์
ตะปู เข็มหมุด และลวดเย็บ (แม็ก): สิ่งเหล่านี้คือ “กับดัก” ของสัตว์น้ำโดยแท้จริง สัตว์น้ำอาจกลืนเข้าไป หรือถูกทิ่มแทงจนบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่ต้องลงไปเก็บกวาด
📌 3. ภาระการจัดการ “ขยะ” หลังวันงาน
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังคืนลอยกระทง คือภาพของแม่น้ำลำคลองที่เต็มไปด้วยซากกระทง เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ (เช่น กรุงเทพมหานคร หรือเทศบาลในแต่ละพื้นที่) ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งเก็บกวาดขยะเหล่านี้ให้หมดก่อนที่น้ำจะเน่าเสีย
งบประมาณและแรงงาน: ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลและกำลังคนหลายพันคนในการจัดเก็บและกำจัดขยะกระทง ซึ่งเป็นงบประมาณที่ควรจะนำไปพัฒนาส่วนอื่นได้
การอุดตัน: กระทงที่ลอยไปตามน้ำ สุดท้ายมักจะไปอุดตันตามท่อระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ หรือสถานีสูบน้ำ สร้างปัญหาในการบริหารจัดการน้ำและอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำท่วมขัง
📌 4. ทำร้ายสัตว์น้ำทางอ้อม
นอกจากผลกระทบโดยตรงจากการกินวัสดุอันตรายแล้ว การเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำอย่างฉับพลันในคืนลอยกระทง ยังสร้างความเครียดให้กับระบบนิเวศ สารเคมีจากธูปเทียนที่ละลายปนเปื้อนในน้ำ ก็เป็นอีกหนึ่งมลพิษที่ถูกมองข้าม
💡 บทสรุป: ลอยอย่างไรให้ “ได้บุญ” ไม่ใช่ “สร้างบาป” ให้แม่น้ำ
การสืบสานประเพณีไม่ใช่สิ่งผิด แต่รูปแบบของประเพณีจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยที่ “สิ่งแวดล้อม” คือต้นทุนที่สำคัญที่สุด




หากเรายังคงต้องการ “ขอขมา” พระแม่คงคา สิ่งที่เราควรทำ อาจไม่ใช่การลอยกระทงที่สวยงาม แต่เป็นการ “ลด” ภาระให้กับท่าน
ลอย 1 กระทง ต่อ 1 ครอบครัว: ลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง
เลือกวัสดุธรรมชาติ 100%: (ย้ำว่า 100%) หลีกเลี่ยงตะปู เข็มหมุด หรือพลาสติกทุกชนิด
ลอยในพื้นที่ควบคุม (บ่อปิด): เลือกสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งง่ายต่อการจัดการและเก็บกวาด
ลอยกระทงออนไลน์: เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และไม่สร้างขยะเลย
งดลอย: และเปลี่ยนเป็นการทำความสะอาดแม่น้ำลำคลองแทน หรือเพียงแค่ไปไหว้ขอขมาที่ริมตลิ่งด้วยจิตใจที่เคารพ ก็ถือเป็นการสืบสานเจตนารมณ์ของประเพณีได้อย่างแท้จริง

ก่อนจะลอยกระทงใบต่อไป ลองถามตัวเองว่า เรากำลัง “ขอขมา” หรือ “ทำร้าย” พระแม่คงคา กันแน่?
