เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวทะเลอันดามัน ภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคือความสวยงามของ เกาะพีพี เกาะไม้ท่อน หมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังทิวทัศน์งดงามเหล่านั้นคือ “ความเปราะบาง” ของระบบนิเวศ และนี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของการก่อตั้ง Love Andaman
เช่าเรือส่วนตัว เรือยอชท์สุดหรู คาตามารัน และสปีดโบ๊ทความเร็วสูง
Love Andaman ให้บริการเช่าเรือส่วนตัวแบบพรีเมียม เหมาะสำหรับการออกสำรวจทะเลอันดามันในแบบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นทริปครอบครัว ทริปโรแมนติก หรือโอกาสพิเศษ เลือกได้จากเรือยอชท์สุดหรู คาตามารัน หรือสปีดโบ๊ท พร้อมบริการระดับเอ็กซ์คลูซีฟที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคุณ
ดื่มด่ำกับอิสระในการท่องเที่ยว เกาะต่อเกาะ ดำน้ำในน้ำทะเลใส พักผ่อนบนชายหาดลับ หรือเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก พร้อมลูกเรือมืออาชีพ ไกด์ส่วนตัว อาหารระดับกูร์เมต์ และสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม ตลอดการเดินทางอย่างไร้ที่ติ

Table of Contents
ทุกระลอกคลื่นคือความมหัศจรรย์ — ทริปร่วมเดินทางกับ Love Andaman
เปิดประสบการณ์ท่องทะเลอันดามันไปกับทริปร่วมของ Love Andaman — ที่ซึ่งความใส่ใจมาพร้อมกับความตื่นเต้น
ร่วมเดินทางกับกลุ่มเล็ก ๆ สัมผัสเกาะสวยงามอย่างสะดวกสบาย อบอุ่นใจ และมีจุดหมาย ทัวร์ของเราคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ผสานบริการด้วยหัวใจเข้ากับความหลงใหลในการอนุรักษ์ท้องทะเล ดำน้ำชมปะการังสีสันสดใส เดินเล่นบนหาดทรายขาวบริสุทธิ์ และล่องเรือในน้ำทะเลใส โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการวางแผนหรือค่าใช้จ่ายแบบทริปส่วนตัว
จุดกำเนิดจากความรักในทะเล
ความคิดริเริ่มของ Love Andaman ไม่ได้เกิดจากโอกาสทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ความรักและความผูกพันกับทะเลอันดามัน ที่หยั่งรากลึกในหัวใจของผู้ก่อตั้ง
1. การเติบโตท่ามกลางทะเลและวัฒนธรรมท้องถิ่น
ผู้ก่อตั้ง Love Andaman หลายคนเติบโตในจังหวัดฝั่งอันดามัน เช่น ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ซึ่งมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับทะเลมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยครอบครัวหาปลา การพายเรือออกไปจับกุ้งหอย หรือการทำงานในชุมชนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาไม่ได้มองทะเลเพียงแค่ “สถานที่เที่ยว” แต่เป็น บ้านหลังใหญ่ของชุมชนและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน
2. การเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้ความสวยงาม
แม้ทะเลอันดามันจะเป็นหนึ่งในทะเลที่สวยที่สุดในโลก แต่คนที่คลุกคลีกับมันมาตลอดก็รู้ดีว่า ความเปราะบางของระบบนิเวศ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
- ปะการังที่ถูกทำลายจากการเหยียบหรือทิ้งสมอเรือ
- ปลาที่เสียสมดุลจากการให้อาหารผิดวิธี
- ขยะพลาสติกที่ถูกพัดขึ้นเกาะหรือจมอยู่ในทะเล
ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ก่อตั้งตระหนักว่า หากการท่องเที่ยวยังมุ่งเน้นปริมาณโดยไม่ใส่ใจผลกระทบ วันหนึ่งทะเลอันดามันอาจไม่เหลือความสวยงามเหมือนเดิม
3. การสร้าง “มาตรฐานใหม่” ของการเดินทางทางทะเล
ความรักในทะเลจึงถูกหล่อหลอมเป็นแรงบันดาลใจให้ก่อตั้ง Love Andaman โดยมีเป้าหมายว่า:
- การท่องเที่ยวต้องทำให้นักเดินทาง ประทับใจและได้ประสบการณ์ที่ดี
- ธรรมชาติต้อง ไม่ถูกทำลาย และควรได้รับการฟื้นฟู
- ชุมชนท้องถิ่นต้อง มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์ จากการท่องเที่ยว
นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างทริปแบบ Small Group Tour ที่ใส่ใจในรายละเอียด ทั้งการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่อรอบ การอบรมไกด์ให้เล่าเรื่องเชิงความรู้ด้านธรรมชาติ และการสื่อสารให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าพวกเขาเป็น “ส่วนหนึ่งของการรักษ์ทะเล”
4. รักที่ก้าวข้ามการท่องเที่ยว
สิ่งที่ทำให้ Love Andaman แตกต่างคือ การมองทะเลในมุมที่ใหญ่กว่าแค่การท่องเที่ยว
ความรักในทะเลของผู้ก่อตั้งไม่ใช่แค่การชื่นชมความงาม แต่คือความรับผิดชอบที่อยากเห็นทะเลอันดามันยังคงงดงามอยู่กับลูกหลานในอนาคต
เพราะฉะนั้น จุดกำเนิดของ Love Andaman จึงเป็นมากกว่าการทำธุรกิจ แต่คือ การสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และเศรษฐกิจท่องเที่ยว
จากทริปเล็กสู่แบรนด์ใหญ่
เริ่มแรก Love Andaman จัดทริปแบบ Small Group Tour ใช้สปีดโบ๊ทพานักท่องเที่ยวไปยังเกาะยอดนิยม แต่เน้นความใส่ใจเป็นรายบุคคล ตั้งแต่การบริการ การเล่าเรื่องของไกด์ ไปจนถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น วิธีดำน้ำที่ไม่เหยียบปะการัง และการไม่ให้อาหารปลา
สิ่งนี้ทำให้ Love Andaman แตกต่างและได้รับการบอกต่อในฐานะทัวร์ที่ “ดูแลทั้งลูกค้าและทะเล”
วิสัยทัศน์สู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Eco-tourism Vision)
สิ่งที่ Love Andaman เห็นมาตั้งแต่วันแรกคือ การท่องเที่ยวในทะเลอันดามันจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์และธรรมชาติตั้งแต่ก่อตั้ง Love Andaman ได้วาง “เส้นทางการเติบโต” ที่ต่างจากทัวร์ทั่วไป เพราะเชื่อว่าการท่องเที่ยวที่แท้จริงต้องไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังต้องเป็นพลังบวกต่อ ธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่น วิสัยทัศน์ด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของ Love Andaman สามารถอธิบายได้ดังนี้
1. การปกป้องระบบนิเวศทางทะเล
- ปะการังและแนวหญ้าทะเล: Love Andaman ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ปะการัง โดยอบรมไกด์ให้ให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว เช่น “ทำไมการเหยียบปะการังเพียงครั้งเดียวถึงทำลายระบบนิเวศได้หลายสิบปี”
- สัตว์ทะเลหายาก: การพบเห็นสัตว์อย่าง เต่าทะเลสีเขียว (Green sea turtle), กระเบนราหู (Manta ray), หรือแม้แต่ฉลามหูดำ ถูกสื่อสารแก่นักท่องเที่ยวว่าเป็น “โชคดี” ไม่ใช่ “กิจกรรมที่การันตีได้” เพื่อไม่สร้างแรงกดดันต่อธรรมชาติ
- ลดผลกระทบโดยตรง: เช่น การใช้ทุ่นผูกเรือแทนการทิ้งสมอ เพื่อไม่ทำลายแนวปะการัง
2. ลดรอยเท้าการท่องเที่ยว (Tourism Footprint)
- Plastic-Free Movement: Love Andaman เป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่รณรงค์ลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวบนเรือ โดยเปลี่ยนมาใช้แก้วน้ำส่วนตัวและขวดน้ำรีฟิล
- การจัดการขยะ: มีระบบแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ไม่เพียงบนบก แต่รวมถึงการจัดการเศษอาหารบนเรือให้กลับสู่ฝั่งอย่างถูกวิธี
- การเดินทางที่มีประสิทธิภาพ: เรือที่ใช้งานผ่านการตรวจสอบด้านการปล่อยมลพิษ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
3. การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น
Love Andaman เชื่อว่าการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากชุมชนไม่ได้รับประโยชน์
- สนับสนุนสินค้าท้องถิ่น: ใช้วัตถุดิบอาหารทะเลและผลผลิตจากชุมชนชายฝั่งเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า
- พัฒนาอาชีพใหม่: เปิดโอกาสให้คนท้องถิ่นกลายเป็นไกด์ท้องถิ่นหรือพนักงานเรือ ด้วยการอบรมเรื่องภาษาและการบริการ
- รักษาวัฒนธรรม: กิจกรรมเช่นการพานักท่องเที่ยวเยี่ยมชม หมู่บ้านมอแกน (Moken village) ที่หมู่เกาะสุรินทร์ ดำเนินไปภายใต้แนวทางที่เคารพวิถีชีวิตดั้งเดิม
4. การส่งต่อความรู้แก่นักท่องเที่ยว
หัวใจของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คือการทำให้นักท่องเที่ยว “เข้าใจ” ไม่ใช่เพียง “เห็น”
- ไกด์ Love Andaman ได้รับการฝึกในด้าน Marine Interpretation เช่น อธิบายว่า “ทำไมปะการังฟอกขาว” หรือ “บทบาทของปลานกแก้ว (Parrotfish) ในการสร้างทรายขาว”
- ทุกทริปมีการสื่อสารให้เข้าใจถึง Food Chain และ Food Web ในท้องทะเล เพื่อสร้างความตระหนักว่าแม้สัตว์เล็ก ๆ อย่างแพลงก์ตอนหรือหอยมือเสือก็สำคัญไม่แพ้สัตว์ใหญ่
- สร้างประสบการณ์แบบ Edutainment (การเรียนรู้ควบคู่ความบันเทิง) เช่น การพานักท่องเที่ยวดำน้ำตื้นพร้อมคำบรรยายถึงความสำคัญของ “Sea fan” หรือ “Lionfish”
5. การกำหนดอนาคตที่ยั่งยืน
Love Andaman มองว่าการท่องเที่ยวในอนาคตจะไม่ใช่แค่การขายทัวร์ แต่คือการเป็นส่วนหนึ่งของ Global Sustainable Tourism Movement โดยตั้งเป้า:
พัฒนาโมเดลธุรกิจที่สร้างสมดุลระหว่างรายได้ ความสุขของนักท่องเที่ยว และการคงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติ
ร่วมมือกับอุทยานแห่งชาติและองค์กรสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนโครงการ Marine Protected Areas (MPAs)
ผลักดันให้ภูเก็ตและอันดามันเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของเอเชีย”
Love Andaman กับบทบาทในอนาคต
จากการเริ่มต้นเล็ก ๆ วันนี้ Love Andaman ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำด้านทัวร์ทางทะเล แต่ยังเป็นตัวอย่างของการทำธุรกิจท่องเที่ยวที่ เติบโตควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม
บริษัทมองว่าอนาคตของการท่องเที่ยวไทยต้องเป็น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Eco-tourism) ที่นักท่องเที่ยวได้ทั้งความสุขและความรู้ ขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาทะเลให้รุ่นต่อไปได้เห็นในแบบเดียวกับที่เราเห็นทุกวันนี้
สรุป: จากความรักเล็ก ๆ สู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
ไม่ว่าจะขยายใหญ่แค่ไหน Love Andaman ก็ยังยึดมั่นในหัวใจเดิม – ความรักในทะเล และความตั้งใจที่จะให้การท่องเที่ยวทุกครั้ง เป็นมากกว่าประสบการณ์ แต่คือการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์
เพราะสุดท้ายแล้ว “Love Andaman” ไม่ได้หมายถึงแค่การรักการท่องเที่ยว แต่คือการรักบ้านของเราทุกคน – ทะเลอันดามัน