งานพ้อต่อ: ประเพณีแห่งกตัญญูของชาวภูเก็ตที่ไม่เคยเลือนหาย

เมื่อเดือน 7 ตามปฏิทินจีนเวียนกลับมาอีกครั้ง ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ตก็เตรียมตัวเข้าสู่ “เทศกาลสารทจีน” หนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของปี ทั้งในเชิงศาสนาและสายใยครอบครัว

และหนึ่งในพิธีกรรมอันทรงคุณค่าที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ คือ “งานพ้อต่อ” พิธีกรรมที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความกตัญญู และความเมตตาที่มีต่อบรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ


🔮 งานพ้อต่อ คืออะไร?

คำว่า “pååtøø” มาจากภาษาจีนฮกเกี้ยน แปลว่า “การสะเดาะเคราะห์” หรือ “การปลดปล่อยสิ่งไม่ดี”

แต่สำหรับคนภูเก็ต ความหมายของ “pååtøø” ลึกซึ้งกว่านั้น — มันคือ พิธีกรรมเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับบรรพบุรุษ และเหล่าวิญญาณไร้ญาติ ที่อาจไม่มีลูกหลานมาทำบุญให้

นอกจากการทำบุญเพื่อครอบครัวแล้ว งานพ้อต่อยังเปรียบเสมือน “สะพานของการให้” ที่โยงความเมตตาของผู้มีชีวิตไปสู่ดวงวิญญาณที่ไร้ผู้ดูแล เป็นการทำบุญโดยไม่หวังผลตอบแทน


📜 พิธีกรรมและความเชื่อ

ในงานพ้อต่อจะมีการตั้งโต๊ะเซ่นไหว้ทั้งที่บ้าน และตามศาลเจ้าชุมชน บางแห่งมีการจัดงานรวมขนาดใหญ่ซึ่งรวมผู้คนจากหลายบ้านมาร่วมกันแสดงออกถึงความกตัญญู

ในงานพ้อต่อจะมีการตั้งโต๊ะเซ่นไหว้ทั้งที่บ้าน และตามศาลเจ้าชุมชน บางแห่งมีการจัดงานรวมขนาดใหญ่ซึ่งรวมผู้คนจากหลายบ้านมาร่วมกันแสดงออกถึงความกตัญญู

สิ่งที่ปรากฏอยู่บนโต๊ะไหว้ ได้แก่:

  • อาหารคาว เช่น ข้าว หมู เป็ด ไก่
  • ขนมจีนโบราณ เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน
  • ผลไม้ 5 อย่าง (ส้ม กล้วย องุ่น แก้วมังกร แอปเปิ้ล)
  • กระดาษเงินกระดาษทอง
  • “ขนมเต่าแดง” หรือ “อั่งกู๊” ซึ่งขาดไม่ได้

หลังเสร็จสิ้นพิธี จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เพื่อส่งมอบสิ่งของไปยังดวงวิญญาณ บางบ้านยังนิมนต์พระมาสวดเพื่อเพิ่มพลังบุญกุศลและสะเดาะเคราะห์แก่ครอบครัว


🐢 ขนมเต่าแดง (อั่งกู๊): สัญลักษณ์แห่งความยั่งยืน

ขนมเต่าแดง หรือที่ชาวภูเก็ตเรียกว่า อั่งกู๊ ทำจากแป้งข้าวเหนียวสีแดงสด สอดไส้ถั่วกวน ลักษณะคล้าย “เต่า” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ อายุยืน ความมั่งมี และความมั่นคง

สีแดงสื่อถึง ความโชคดี ความรุ่งเรือง จึงเชื่อกันว่าการนำขนมนี้มาเซ่นไหว้วิญญาณจะช่วยนำพาความเป็นสิริมงคลมาสู่ครอบครัว

ในบางพิธีกรรม หากมีการ “แจกจ่ายอั่งกู๊” แก่ผู้ร่วมงาน ก็ถือเป็นการส่งต่อความโชคดีอย่างหนึ่งด้วย


🏮 บรรยากาศแห่งชุมชนและความร่วมมือ

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นในงานพ้อต่อคือ “ความร่วมแรงร่วมใจ” ของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโต๊ะหน้าบ้าน จัดงานใหญ่ในศาลเจ้า หรือเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปเข้าร่วม ก็ล้วนสะท้อนความแน่นแฟ้นของสังคมในแบบภูเก็ต

ผู้ใหญ่ในชุมชนจะสอนลูกหลานให้รู้จัก “ให้เกียรติบรรพบุรุษ” และ “ไม่ลืมรากเหง้า” ส่วนเด็ก ๆ จะได้มีโอกาสเรียนรู้ประเพณีไทย–จีนอย่างใกล้ชิดในแบบที่หาไม่ได้จากตำราเรียน


🏯 งานพ้อต่อในโลกยุคใหม่

แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา แต่งานพ้อต้อยังคงเป็นประเพณีที่ “มีชีวิต” หลายศาลเจ้าในภูเก็ตได้ปรับตัว ด้วยการจัดงานให้ทันสมัยมากขึ้น เช่น เพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียล มีการเล่าความหมายผ่าน QR code หรือจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์สำหรับเยาวชน

สิ่งนี้สะท้อนว่า ประเพณีจะคงอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะยึดติดรูปแบบ แต่เพราะเรารักษา “หัวใจ” ของพิธีไว้ได้


✨ บทสรุป

“งานพ้อต่อ” ไม่ใช่เพียงการเซ่นไหว้ หรือการสะเดาะเคราะห์ แต่มันคือ “ภาษาของความกตัญญู” ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในภูเก็ตใช้ในการพูดคุยกับบรรพบุรุษ เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้กลับมานั่งล้อมโต๊ะเดียวกัน และส่งต่อค่านิยมที่งดงามจากรุ่นสู่รุ่น

และเมื่อคุณมีโอกาสได้เดินผ่านโต๊ะไหว้ที่เต็มไปด้วยอั่งกู๊ ขนมไหว้ และกลิ่นธูปจาง ๆ ขอให้รู้ว่า คุณกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความศรัทธาแบบเงียบงามที่มีมาเนิ่นนาน


📍 ติดต่อเรา

หากคุณอยากสัมผัสประเพณีท้องถิ่นผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวในภูเก็ต หรือต้องการคำแนะนำทริปวัฒนธรรม–ธรรมชาติรอบเกาะ

📍 Love Andaman
📧 Line: @loveandaman
🌐 เว็บไซต์: www.loveandaman.com
📞 โทร: 076-390250
📷 Facebook: Love Andaman
📷 Instagram: @loveandaman
💫 Lemon8: @loveandaman_8844

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *