Table of Contents
กำเนิดคเณศจตุรถีในอินเดีย

“คเณศจตุรถี (Ganesh Chaturthi)” หมายถึงวันที่ 4 แห่งข้างขึ้น (ชตุรถี) ของเดือนภัทรปท (Bhadrapada) ตามปฏิทินฮินดู ตรงกับราวเดือนสิงหาคม–กันยายนของทุกปี เชื่อกันว่าเป็นวันที่องค์พระพิฆเนศเสด็จมาประสูติจากพระศิวะและพระอุมา เป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี เกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติขององค์พระพิฆเนศ หรือพระคเณศ เทพเจ้าแห่งปัญญา ความสำเร็จ และผู้ขจัดอุปสรรค
องค์พระพิฆเนศเป็นเทพเจ้าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น
- ผู้ขจัดอุปสรรค (Vighnaharta)
- เทพแห่งสติปัญญาและความรู้
- ผู้ประทานความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง
ดังนั้นเทศกาลคเณศจตุรถีจึงเป็นสัญลักษณ์ของ การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การศึกษา หรือแม้แต่ชีวิตส่วนตัว ผู้ศรัทธาจะอัญเชิญองค์พระพิฆเนศมาประดิษฐานในบ้านหรือในงานพิธี เพื่อขอพรให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่น
ตำนานการประสูติของพระพิฆเนศ
ตาม ตำนานฮินดู พระพิฆเนศเกิดจาก พระอุมา (ภรรยาของพระศิวะ) ผู้ที่สร้างพระพิฆเนศจากดินเหนียวและให้เขาเฝ้าประตูขณะที่พระศิวะไปทำการบำเพ็ญภาวนา เมื่อพระศิวะกลับมาถึงบ้านและพบว่าพระพิฆเนศไม่ยอมให้เข้า พระศิวะจึงโกรธและตัดศีรษะของพระพิฆเนศทิ้งไป ด้วยเหตุนี้พระอุมาได้ขอให้พระศิวะคืนชีวิตให้กับพระพิฆเนศ พระศิวะจึงสั่งให้ใช้ หัวช้าง มาต่อแทนศีรษะของพระพิฆเนศ และพระพิฆเนศก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมกับบทบาทใหม่ในฐานะเทพแห่งปัญญาและผู้ขจัดอุปสรรค
การเริ่มต้นการเฉลิมฉลองคเณศจตุรถี
แม้การบูชาพระพิฆเนศมีมาแต่โบราณ แต่การจัดเทศกาลคเณศจตุรถีในรูปแบบใหญ่โตมีจุดเริ่มต้นใน สมัยราชวงศ์ฉาลุกยะ (Chalukya Dynasty) โดยเฉพาะในช่วง ศตวรรษที่ 16–17 เทศกาลนี้ได้รับการส่งเสริมให้มีความสำคัญอย่างมาก โดยมีการจัดพิธีบูชาอย่างยิ่งใหญ่ในหมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ในอินเดีย
การฟื้นฟูเทศกาลในยุคอาณานิคม
ในศตวรรษที่ 19 เทศกาลคเณศจตุรถีได้รับการฟื้นฟูอย่างยิ่งใหญ่จาก บาล คังคาดธาร์ ทิล็ก (Bal Gangadhar Tilak) นักปฏิวัติที่มีชื่อเสียง ผู้ใช้เทศกาลนี้เป็นเครื่องมือในการรวมพลังและขับเคลื่อนจิตวิญญาณของชาวอินเดียในการต่อต้านการปกครองของอังกฤษ ทิล็กมองว่าเทศกาลนี้สามารถสร้างความสามัคคีในหมู่ชาวอินเดียได้ และใช้เทศกาลนี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศ
ความสำคัญในปัจจุบัน
ปัจจุบัน คเณศจตุรถี กลายเป็นเทศกาลที่ใหญ่และสำคัญที่สุดเทศกาลหนึ่งของอินเดีย โดยมีการเฉลิมฉลองในทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่เมืองใหญ่จนถึงหมู่บ้านห่างไกล โดยเฉพาะในเมืองมุมไบ (Mumbai) ซึ่งมีการจัดขบวนแห่องค์พระพิฆเนศอย่างยิ่งใหญ่และมีผู้คนร่วมงานหลายล้านคน ในบางพื้นที่ของอินเดียและทั่วโลก เทศกาลนี้ยังคงเป็นเครื่องมือในการสร้างความร่วมมือของชุมชนและการแสดงออกถึงความศรัทธาในพระพิฆเนศ เทศกาลนี้ยังมีการจัดงานในหลายประเทศที่มีชาวอินเดียอพยพไปอยู่ เช่น สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, และออสเตรเลีย
พิธีกรรมสำคัญ
- การอัญเชิญพระพิฆเนศ: ทำการประดิษฐานองค์พระพิฆเนศด้วยการสวดมนต์บูชา
- การถวายรังโกลีและขนมโมทกะ (Modak): ถือเป็นของโปรดของพระพิฆเนศ สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์
- พิธีอารตีไฟ: เป็นการสวดบูชาพร้อมแสงไฟ เปรียบเสมือนการขจัดความมืดมนทางใจและนำทางสู่ปัญญา
- การแห่ส่งพระพิฆเนศคืนสู่สายน้ำ: ในวันสุดท้ายของงาน จะมีการแห่ไปยังทะเลหรือแม่น้ำ เพื่อส่งคืนพระพิฆเนศกลับสู่สรวงสวรรค์ เป็นสัญลักษณ์ว่าทุกสิ่งล้วนไม่จีรัง แต่ศรัทธาจะคงอยู่ตลอดไป
แม้พิธีบูชาพระพิฆเนศมีรากฐานมาตั้งแต่ยุคโบราณ แต่เทศกาลในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ปรากฏชัดเจนขึ้นใน สมัยราชวงศ์ฉาลุกยะ (Chalukya Dynasty) และรุ่งเรืองที่สุดในยุคของ พระมหาราชศิวาจี (Chhatrapati Shivaji Maharaj) กษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชของชาวมราฐาในศตวรรษที่ 17 โดยท่านใช้เทศกาลนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการรวมพลังของชุมชนและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ต่อมาในศตวรรษที่ 19 นักปฏิวัติ บาล คังคาดธาร์ ทิล็ก (Bal Gangadhar Tilak) ได้รื้อฟื้นเทศกาลนี้ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองมุมไบ เพื่อปลุกขวัญกำลังใจและสร้างความสามัคคีของชาวอินเดียในการต่อสู้กับการปกครองของอังกฤษ เทศกาลคเณศจตุรถีจึงกลายเป็นทั้งงานศาสนาและงานวัฒนธรรมที่ผูกพันกับประวัติศาสตร์ชาติ


การแพร่หลายสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยการค้าและการอพยพของชาวอินเดีย โดยเฉพาะชาวมุสลิม-ทมิฬและฮินดู-มราฐา ทำให้วัฒนธรรมการบูชาพระพิฆเนศแพร่หลายเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลและเมืองท่าที่มีการค้าขายกับอินเดียมาอย่างยาวนาน
ในประเทศไทย พระพิฆเนศถือเป็นเทพเจ้าสำคัญที่ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายอินเดียให้ความเคารพ เชื่อกันว่าเป็นเทพแห่งศิลปะ สติปัญญา และการเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นการจัดงาน คเณศจตุรถีในภูเก็ต จึงถือเป็นการเชื่อมต่อรากทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่เข้ากับความร่วมสมัย
คเณศจตุรถี ครั้งแรกในภูเก็ต
ปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่ จังหวัดภูเก็ต ได้จัดงานคเณศจตุรถีขึ้นอย่างเป็นทางการกลางเมืองเก่า งานนี้ไม่เพียงเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาของชุมชนชาวอินเดียและชาวฮินดูที่อาศัยอยู่ในภูเก็ต แต่ยังเป็นเวทีทางวัฒนธรรมที่เปิดกว้างให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้าร่วม
- มี การอัญเชิญองค์พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศษฐ์ ขึ้นขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่ ท่ามกลางเสียงสวดบูชาและดนตรีอินเดีย
- ศิลปะรังโกลี ที่ใช้ทรายและผงสีวาดลวดลายมงคลหน้าพื้นที่ประกอบพิธี เป็นการแสดงออกถึงความงดงามของศิลปะอินเดียโบราณ
- พิธีอารตีไฟครั้งใหญ่ ณ แยกชาร์เตอร์ กลางเมืองเก่า เป็นภาพที่สะท้อนพลังศรัทธาของผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนที่พร้อมใจถวายการบูชา
ขบวนอัญเชิญองค์พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศษฐ์
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน คเณศจตุรถี ในภูเก็ต คือการอัญเชิญ องค์พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศษฐ์ ขึ้นขบวนแห่ในบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความศรัทธาของผู้คนจากทุกสารทิศ การแห่ขบวนนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการบูชาและการขอพรจากพระพิฆเนศในปางที่ทรงแสดงถึง ความมั่งคั่งและความสำเร็จ
พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศษฐ์
ในปาง ดั๊กดูเศษฐ์ (หรือที่บางครั้งเรียกว่า ปางเศรษฐี) พระพิฆเนศจะประทับนั่งอยู่บน ช้าง หรือบางทีก็ประทับบน โพรงไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ การที่พระพิฆเนศทรงถือ ไหเงินทอง หรือ ถุงทอง ก็แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และการขจัดอุปสรรคทางการเงิน ทุกการแสดงออกในปางนี้จึงมีความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับการขอพรให้การงานและธุรกิจประสบผลสำเร็จ
การจัดขบวนแห่
ขบวนแห่องค์พระพิฆเนศในงานนี้มีความยิ่งใหญ่และอลังการ สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้เห็น ขบวนแห่เริ่มต้นที่บริเวณ วัดพระพิฆเนศ ก่อนจะเคลื่อนผ่านเส้นทางหลักใน เมืองเก่าภูเก็ต โดยมี พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศษฐ์ ประดิษฐานอยู่ในขบวนที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใส และเสริมด้วยการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอินเดีย เช่น ธงแหลมที่มีการระบายสีทองและสีแดง การประดับประดาด้วยผ้าทอลวดลายอันงดงามจากอินเดีย
ผู้ศรัทธาต่างร่วมกันเดินขบวนพร้อมสวดมนต์และการบรรเลงเพลงอินเดีย ซึ่งสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบและพลังศรัทธา ขบวนนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการรวมตัวของผู้คนจากทุกมุมของภูเก็ต ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มาร่วมงาน
การสร้างความประทับใจ
งานอัญเชิญองค์พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศษฐ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาของชาวภูเก็ต แต่ยังเป็นการนำเสนอ วัฒนธรรมของอินเดีย ที่มีความละเอียดอ่อนและประณีต รวมถึงการเผยแพร่ ศาสนาและความเชื่อ ของชาวฮินดูให้กับผู้คนที่อาจไม่คุ้นเคยกับเทศกาลนี้
บรรยากาศที่มีเสียงสวดมนต์และการบรรเลงดนตรีทำให้ผู้ที่เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสได้ถึง พลังแห่งความศรัทธา ที่ส่งผ่านจากขบวนแห่สู่ผู้ชมทั่วทุกแห่งในเมือง นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับเมืองภูเก็ตให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายการท่องเที่ยวที่น่าสนใจในช่วงเวลาที่สำคัญของปี
ความหมายและความสำคัญต่อภูเก็ต
การจัดงานคเณศจตุรถีในภูเก็ตครั้งนี้ เป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า ภูเก็ตไม่ใช่เพียงเมืองท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็น เมืองแห่งวัฒนธรรมพหุชาติพันธุ์ ที่หลอมรวมความเชื่อหลากหลายไว้ด้วยกัน
นี่ไม่เพียงแต่ทำให้งานกลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์การท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่ช่วยเชื่อมโยงผู้คนจากหลายเชื้อชาติ สะท้อนถึงความงดงามของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ


ติดต่อ Love Andaman
อยากสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมและความงดงามของทะเลอันดามัน Love Andaman พร้อมดูแลการเดินทางของคุณด้วยบริการระดับมืออาชีพ
📍 เว็บไซต์: www.loveandaman.com
📘 Facebook: Love Andaman
📷 Instagram: @loveandaman
🍋 Lemon8: Love Andaman Travel
