สีของน้ำทะเลบอกอะไรเกี่ยวกับคุณภาพน้ำ

เวลาที่เราออกเดินทางไปตามเกาะต่าง ๆ ในทะเลอันดามัน สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ “สีของน้ำทะเล” ที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ บางแห่งเป็นฟ้าใสราวกระจก บางที่เขียวมรกต และบางช่วงฤดูกาลกลับขุ่นมัวไปด้วยตะกอน สีเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ความสวยงามที่กล้องต้องบันทึก แต่ยังเป็น “สัญญาณทางธรรมชาติ” ที่บอกถึงคุณภาพน้ำและความสมดุลของระบบนิเวศ

สีของน้ำทะเล

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังสีของน้ำทะเล

  1. การดูดซับและสะท้อนแสง
    โมเลกุลของน้ำมีคุณสมบัติดูดซับแสงสีแดง เหลือง และเขียวไว้ได้ดี แต่สะท้อนแสงสีน้ำเงินกลับมา จึงทำให้ทะเลส่วนใหญ่เป็นสีฟ้า ยิ่งน้ำใสและลึกมากเท่าไร แสงสีน้ำเงินก็จะชัดเจนมากขึ้น
  2. แพลงก์ตอนและสารอินทรีย์
    เมื่อมีแพลงก์ตอนพืชหรือสาหร่ายเล็ก ๆ อยู่มาก น้ำจะสะท้อนออกมาเป็นสีเขียว ซึ่งหมายถึงทะเลกำลังอุดมไปด้วยสารอาหารที่สิ่งมีชีวิตใช้เจริญเติบโต
  3. ตะกอนและสารปนเปื้อน
    ฝุ่น ดิน และตะกอนจากฝั่งหรือจากฝน สามารถทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือขุ่นมัว ซึ่งมักสัมพันธ์กับคุณภาพน้ำที่ลดลง

เฉดสีต่าง ๆ และความหมาย

น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม (Deep Blue)

  • วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: เกิดจากการที่น้ำทะเลลึกและใสมาก ทำให้แสงสีอื่นถูกดูดซับเกือบหมด เหลือเพียงสีน้ำเงินเข้มสะท้อนกลับมา
  • คุณภาพน้ำ: มักหมายถึงน้ำที่สะอาด ปราศจากตะกอนหรือแพลงก์ตอนจำนวนมาก แต่ก็แสดงว่าสารอาหารในน้ำน้อยเช่นกัน
  • ระบบนิเวศ: แม้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอาจมีไม่มาก แต่พื้นที่แบบนี้มักเป็นถิ่นอาศัยหรือเส้นทางของสัตว์ใหญ่ เช่น ปลาทูน่า, วาฬ, กระเบนราหู (Manta ray)
  • การท่องเที่ยว: มักไม่ใช่จุดดำน้ำดูปะการัง แต่เป็นเส้นทางของ ทริปดำน้ำลึกกลางทะเล (Liveaboard) หรือการล่องเรือยอร์ช

น้ำทะเลสีฟ้าใส (Crystal Blue)

  • วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: น้ำใสสะอาด มีตะกอนต่ำ การมองเห็นใต้น้ำ (visibility) สูงกว่า 20–30 เมตร
  • คุณภาพน้ำ: สะอาดมาก มักพบในเขตอุทยานทางทะเลที่มีการควบคุมการท่องเที่ยว
  • ระบบนิเวศ: เป็นแหล่งที่มีแนวปะการังแข็งแรงและสิ่งมีชีวิตหลากหลาย เช่น ปลานกแก้ว (Parrotfish), เต่าทะเลสีเขียว (Green sea turtle), ปลาสลิดหินแขก
  • ตัวอย่างในอันดามัน: หมู่เกาะสิมิลัน และ หมู่เกาะสุรินทร์
  • การท่องเที่ยว: เป็นจุดดำน้ำยอดนิยม นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมักเดินทางมาเพื่อสัมผัสน้ำใสและโลกใต้ทะเล

น้ำทะเลสีเขียวมรกต (Emerald Green)

  • วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: เกิดจากการสะท้อนของแสงผ่านแพลงก์ตอนและสาหร่ายในระดับพอเหมาะ
  • คุณภาพน้ำ: ถือว่าดีและอุดมสมบูรณ์ มีสารอาหารเพียงพอให้สิ่งมีชีวิตเจริญเติบโต
  • ระบบนิเวศ: เป็นเขตที่มีปลาชุกชุม โดยเฉพาะปลาขนาดเล็กที่เป็นอาหารของปลานักล่า เช่น ปลาอินทรี, ปลาทู
  • ตัวอย่างในอันดามัน: อ่าวมาหยา (Phi Phi Islands), เกาะไม้ท่อน (Maiton Island)
  • การท่องเที่ยว: สีเขียวมรกตถ่ายรูปสวยมาก โดยเฉพาะจากมุมสูง (drone shot) จึงเป็นจุดหมายฮิตของนักท่องเที่ยว

น้ำทะเลสีเขียวเข้ม (Dark Green)

  • วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: ปริมาณแพลงก์ตอนสูงมาก อาจเป็นสัญญาณว่ามีสารอาหารในน้ำเกินความสมดุล
  • คุณภาพน้ำ: หากเกินขีดสมดุล อาจนำไปสู่การเกิด แพลงก์ตอนบลูม (Plankton Bloom) ซึ่งทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงและสิ่งมีชีวิตตายได้
  • ระบบนิเวศ: ความสมบูรณ์อาจกลับกลายเป็นความเสี่ยง เช่น การเกิด ปรากฏการณ์น้ำเปลี่ยนสี (Red Tide)
  • ตัวอย่างในอันดามัน: ช่วงฤดูฝนในบางอ่าวของ พังงา หรือแถบชายฝั่งใกล้เมืองใหญ่
  • การท่องเที่ยว: ไม่เหมาะกับการดำน้ำ แต่ยังสามารถทำกิจกรรมล่องเรือหรือชมวิวได้

น้ำทะเลสีขาวขุ่น (Milky White)

  • วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: เกิดจากตะกอนปนเปื้อน เช่น ดินทรายที่ถูกพัดลงทะเลจากฝนตกหนัก หรือการกระเพื่อมแรงของคลื่น
  • คุณภาพน้ำ: ไม่ได้แย่เสมอไป แต่ความขุ่นทำให้สัตว์น้ำบางชนิด เช่น ปะการังแข็ง ไม่สามารถรับแสงเพียงพอ
  • ระบบนิเวศ: หากเกิดนาน ๆ จะกระทบต่อการสังเคราะห์แสงและการเจริญเติบโตของปะการัง
  • ตัวอย่างในอันดามัน: หลังมรสุมในบางส่วนของภูเก็ตหรือกระบี่
  • การท่องเที่ยว: ไม่เหมาะกับดำน้ำ แต่เหมาะกับการเดินเล่นชายหาดหรือชมวิวจากเรือ

น้ำทะเลสีน้ำตาลหรือคล้ำ (Brown / Murky)

  • วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: สัญญาณของน้ำที่มีตะกอนมากหรือปนเปื้อนจากกิจกรรมมนุษย์ เช่น น้ำเสียจากเมืองหรือท่าเรือ
  • คุณภาพน้ำ: ถือว่าอยู่ในภาวะเสื่อมโทรม หากเกิดต่อเนื่องอาจทำให้ระบบนิเวศเสียหายถาวร
  • ระบบนิเวศ: แนวปะการังอาจถูกปกคลุมด้วยตะกอนจนตาย และปลาหลายชนิดอพยพหนี
  • ตัวอย่างในอันดามัน: พื้นที่ใกล้ปากแม่น้ำตะกั่วป่า หรือท่าเรือหลักในภูเก็ต
  • การท่องเที่ยว: นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำ เพราะอาจไม่ปลอดภัยและเสี่ยงต่อสุขภาพ

น้ำทะเลสีทองหรือประกายแดง (Golden / Reddish Tint)

การท่องเที่ยว: ถ้าเป็นแสงอาทิตย์ตกผสมผสาน จะเป็นภาพที่สวยงามมาก เหมาะแก่การถ่ายภาพ แต่ถ้าเกิดจากแพลงก์ตอนบลูมควรหลีกเลี่ยง

วิทยาศาสตร์เบื้องหลัง: บางครั้งเกิดจากชนิดของแพลงก์ตอนที่ทำให้น้ำสะท้อนสีแดงทอง โดยเฉพาะช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตก

คุณภาพน้ำ: หากเป็นเพียงปรากฏการณ์แสง ถือว่าสวยงาม แต่ถ้าเป็น Plankton Bloom ก็อาจก่อให้เกิดน้ำเป็นพิษ

ระบบนิเวศ: การเกิดน้ำเปลี่ยนสีอาจทำให้สัตว์น้ำจำนวนมากตายเพราะขาดออกซิเจน

ตัวอย่างในอันดามัน: พบได้บางครั้งในอ่าวปิดที่น้ำไม่ถ่ายเท

ตัวอย่างในทะเลอันดามัน

  • สิมิลัน – น้ำฟ้าใส เห็นปลานานาชนิด เช่น ปลานกแก้ว ปลาสลิดหินแขก และปะการังอ่อนสีสด
  • สุรินทร์ – น้ำใสผสมเขียว บริเวณใกล้ชุมชนมอแกน (Moken Village) แสดงถึงน้ำที่อุดมด้วยแพลงก์ตอนซึ่งเป็นแหล่งอาหารของปลา
  • อ่าวมาหยา เกาะพีพี – เขียวมรกต เกิดจากตะกอนผสมกับแพลงก์ตอน ทำให้น้ำมีประกายเขียวสวย
  • อ่าวพังงา – บางช่วงขุ่น เพราะเป็นแหล่งที่แม่น้ำไหลลงมา ทำให้ตะกอนปะปน

ความหมายสำหรับนักท่องเที่ยว

สีของน้ำทะเลไม่เพียงบอกถึงคุณภาพน้ำ แต่ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวเลือกกิจกรรมได้เหมาะสม เช่น

  • น้ำใส: เหมาะกับการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก
  • น้ำเขียว: เหมาะกับการชมสัตว์ทะเล เช่น ปลาโลมา หรือการถ่ายรูปมุมสูง
  • น้ำขุ่น: ควรเลี่ยงการดำน้ำ เพราะการมองเห็นต่ำและอาจไม่ปลอดภัย

เราจะช่วยรักษาสีฟ้าใสของทะเลได้อย่างไร?

  • ใช้ ครีมกันแดดแบบ Reef-Safe ที่ไม่ทำร้ายปะการัง
  • ไม่ทิ้งขยะหรือพลาสติกลงทะเล
  • เลือกเข้าร่วม eco friendly island tours ที่มีกิจกรรมอนุรักษ์ เช่น ปลูกปะการังหรือเก็บขยะ
  • เคารพกฎของอุทยาน ไม่เหยียบปะการังหรือให้อาหารปลา

สีของน้ำทะเลคือภาษาของธรรมชาติที่บอกเล่าคุณภาพน้ำและความสมบูรณ์ของทะเล การเข้าใจเฉดสีเหล่านี้ช่วยให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินได้อย่างรู้คุณค่า และกระตุ้นให้เราอยากรักษาความใสของทะเลอันดามันให้อยู่คู่ลูกหลาน

อยากสัมผัสน้ำทะเลทุกเฉดด้วยตนเอง? ลองจองทริปกับ Love Andaman แล้วคุณจะรู้ว่าแต่ละสีมีความหมายที่มากกว่าความงดงาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *